หินอาถรรพ์(ผอ.สมนึก)
หินอาถรรพ์(ผอ.สมนึก แพทย์พิทักษ์)
"หินอาถรรพ์"

หลังจากการมรณภาพและการสวดพระอภิธรรมศพพระครูสุนทร ศาสนกิจ(ไกร อินทโชโต) ที่ลูกศิษย์ลูกหามักเรียกว่าหลวงพ่อไกรหรือท่านก๋งไกรเรียบร้อยแล้ว สังขารของท่านถูกบรรจุในโลงทองเก็บไว้ที่กุฏิของท่านเพื่อรอให้ศาลาการ เปรียญหลังใหม่เสร็จเรียบร้อยก่อน ถึงจะกำหนดการพระราชทานเพลิงศพต่อไป ซึ่งต่อมาได้มีพิธีพระราชทานเพลิงในปีพ.ศ. 2516 ซึ่งขณะนั้นผมเรียนหนังสืออยู่ชั้นป.6 โรงเรียนวัดไทรทอง จ.ตราด และได้มีโอกาสตั้งแถวกับเพื่อนๆเพื่อรับไฟพระราชทานฯดังกล่าวด้วย

ปลายเดือนอ้าย(ธันวาคม)สายลมหนาวพัดพาเอากลิ่นดอกสาบเสือที่ท้าย บ้านฟุ้งกระจายไปทั่ว มะยมต้นใหญ่ที่ปลูกไว้หน้าบ้านเริ่มผลิดอกเต็มต้น ก๋งบอกว่ามะยมเป็นไม้มงคล มักนิยมปลูกไว้หน้าบ้านพักอาศัย ต้นกาฝากบนกิ่งมะยมกวัดแกว่งไปมาตามแรงลม เล่ากันว่ากิ่งกาฝากที่เกาะต้นมะยมนั้น ผู้มีวิชา คาถาอาคมมักนำไปปลุกเสกเป็นวัตถุมงคล ดีด้านเมตตามาหนานิยมยิ่งนัก

ถัดจากต้นมะยมจะมีลานดินกว้างปกคลุมด้วยกิ่งก้านลิ้นจี่โบราณต้นใหญ่ ก๋งเคยเล่าให้ฟังว่า ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่ติดเรือสำเภามาจากเมืองจีน เมื่อก่อนคนที่พอมีฐานะเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสผลไม้จากแดนไกลนี้ เมล็ดของลิ้นจี้จะถูกทิ้งตามไร่ตามสวนและเจริญงอกงามให้เห็นกันจนถึงทุกวันนี้ โค้นต้นลิ้นจี่ต้นนี้ ก๋งจะทำแคร่ไม้ไว้สำหรับนั่งสมาธิในเวลากลางคืน บางคืนก๋งจะเดินจงกลมรอบต้นลิ้นจี่นี้ด้วย..ซึ่งเป็นกิจวัตรที่ก๋งปฏิบัติต่อเนื่อง มาโดยตลอด

ผมเห็นพ่อหยิบปืนแก๊ปคู่ใจพร้อมถุงใส่กระสุนและดินดำเดินย่องลงบันใด บ้านพร้อมทั้งชำเลืองมองก๋งอย่างหวาดระแวง ผมคว้าหนังสติกก์คู่ใจกระโดดลงบ้านตามพ่อไปอย่างรวดเร็ว

"ไม่ต้องตาม" พ่อหันมาบอกด้วยเสียงแผ่วเบาเหมือนกับกลัวใครได้ยิน พ่อเดินลับไปแล้ว 

"เป็นไงเป็นกัน" 

ผมเดินตามพ่อไปทางท้ายบ้าน ผ่านฮวงซุ้ยเก่าแก่ที่ผมเห็นมาตั้งแต่เกิด สายลมหนาวพัดพาเอาเสียงนกกาเหว่าแว่วมาแต่ไกล ผมเสียวสันหลังวูบ..วิ่งตามพ่อไปอย่างรวดเร็ว

"กูบอกแล้วว่า..อย่าตามมา"เสียงขุ่นๆของพ่อตำหนิผม

"ลุงจง" 

หนุ่มใหญ่หุ่นมะขามข้อเดียวแถมหัวล้านยืนยิ้มฟันขาวตัดกับผิวตัวเองที่ดำ สนิทอยู่หน้ากระต๊อบหลังน้อยๆข้างหนองน้ำวัดไทรทอง รอบๆวิมานหลังน้อยๆเต็มไปด้วยป่าคุ้ม ต้นเลือดควาย มะปรางป่า กอไผ่และไทรย้อยต้นใหญ่ข้างหนองน้ำดังกล่าว ทั้งคู่สนทนากันอยู่พักใหญ่ พ่อหันมาบอกว่า"มึงอยู่ตรงนี้แหละ..อย่าไปไหนนะ"

พ่อกับลุงจงเดินหายไปในดงไผ่หนาทึบที่มีต้นมะพร้าวงอกแซมอยู่เป็น จำนวนมาก บางต้นโอนโน้มลงไปเหนือผืนน้ำ เสียงนก กาบนต้นไทรย้อยส่งเสียงร้องอยู่เอ็ดอึง บรรยากาศร่มรื่นและเย็นสบายและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก หนังสติกคู่กายถูกนำมาบรรจุกระสุน "อะไรโผล่มา..กูยิง" ผมนึกในใจ

"ปัง" เสียงปืนดังสนั่นมาจากแนวกอไผ่หน้าทึบริมหนองน้ำ ผมวิ่งไปยังต้นเสียงทันที เห็นลุงจงดำผุดดำว่ายอยู่ในหนองน้ำ เสียงพ่อเอ่ยถามมาจากยอดมาพร้าวต้นที่เอนไปในหนองน้ำด้วยเสียง อันดังว่า "อยู่มั๊ย...?"

ก๋งนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนแคร่ใต้ต้นลิ้นจี่โบราณต้นเดิม พ่อกับลุงจงนั่งอยู่เงียบๆด้านล่าง ซากปลาช่อนไทยขนาดโตกว่าต้นหมากยาวกว่าเมตรมีรอยกระสุนลูกโดด เจาะกลางกระหม่อมนอนสงบนิ่งอยู่ เสียงก๋งตวาดเสียงดังว่า

"กูบอกแล้วว่าอย่าไปวุ่นกับปลาในหนองวัด......เอาไปฝัง..ห้ามกิน"

"เดือนสิบสาร์ทไทยปีหน้า..ท่าจะเหมาะ...พอมีเวลาเตรียมการฯ" ก๋งเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกลางวงสนทนาของเหล่าผู้สูงอายุในหมู่บ้าน

"อะไรกัน" ผมอดสงสัยไม่ได้

สงกรานต์ปีนี้แล้งจัดเหมือนปีก่อน น้ำในหนองวัดแห้งขอด แม๊คโครตัวใหญ่ถูกนำมาลอกวัชพืช เลนโคลนขึ้นจากหนองน้ำดังกล่าว ก๋งยืนมองด้วยความเป็นห่วง
"หากฉันหมดบุญวันใด ฝากปลาในหนองน้ำแห่งนี้ด้วยนะ"
เสียงของหลวงพ่อไกรยังคงดังก้องกังวาลอยู่ตลอด ไม่นานนักงานขุดลอกหนองน้ำก็เสร็จเรียบร้อย หินทรายก้อนใหญ่ขนาดกว้าง1เมตรสูง2เมตรถูกนำมาวางข้างๆหนองน้ำ เสียงฆ้อนกระทบเหล็กสกัดในมือของพ่อ ลุงจงและชาวบ้านในละแวกนั้นดังโป๊กเป๊กอย่างต่อเนื่อง

"สกัดให้เป็นรูปผลฟักนะ" ก๋งกำชับ

ไม่นานนักหินทรายรูปทรงสี่เหลี่ยมก็ถูกสกัดเป็นรูปร่างตามที่ก๋งต้องการ หวายอย่างดีจากป่าเขาระกำถูกนำมาสานเป็นสาแหรกสำหรับใส่หินดังกล่าว

แรม15ค่ำเดือนสิบมาถึงแล้ว หินรูปผลฟักในสาแหรกหวายถูกนำไปแขวนไว้กลางหนองน้ำ ประดับด้วยกระทงบายศรีสี่ทิศ ดอกไม้นานาพันธุ์ สายสิณธ์ถูกโยงจากปรำพิธีไปยังหินอาถรรพ์และเสาฉัตรเก้าชั้นรอบๆหนองน้ำที่ประดับไปด้วยธงสามเหลี่ยมหลากสี.. .เครื่องเซ่นซึ่งประกอบไปด้วยหมูเห็ดเป็ดไก่ ขนมต้มขาว ต้มแดง หมากพลูและอื่นถูกนำมาวาง ผู้คนในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียงต่างมากันมาดูพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อนอย่างล้นหลาม ผู้ทำพิธีในวันนั่นล้วนเป็นฆราวาสทั้งสิ้น มีสี่ท่าน ประกอบด้วยก๋งก่วย แพทย์พิทักษ์ ก๋งทวน วิภาตนาวิน ก๋งเหล็ง ยี่ส่องและอีกท่านต้องขออภัยจำนามไม่ได้ ทุกท่านนุ่งขาวห่มขาวนั่งประจำทิศทั้งสี่ทิศ 

ก่อนเริ่มพิธีจะมีการบวงสรวงเทพยาดาฟ้าดิน เจ้าที่เจ้าทางฯลฯและที่ขาดไม่ได้..ท่านก๋งไกร อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรทอง

ฤกษ์งามยามดีมาถึงทั้งสี่ท่านเริ่มบทสวดภาณยักษ์ ซึ่งเป็นบทสวดเพื่อเชิญท้าวเวสสุวัณ เทพแห่งยักษ์ผู้มีอาญาสิทธิ์ที่จะลงโทษผีสางนางไม้ ภูติผีปีศาจและสาบแช่งผู้ที่มาทำลายล้างฯ รวมทั้งขับไล่สิ่งอัปมงคลในหนองน้ำแห่งนี้

เสียงสวดคาถาภาณยักษ์ในท่วงทำนองที่กระแทกกระทั้น เกรี้ยวกราด ดุดันฟังแล้วน่าขนพองสยองเกล้า สะกดให้ผู้คนที่มาร่วมพิธีนับพันเงียบสนิทเป็นความเงียบที่เย็นยะเยือก ดวงอาทิตย์ทรงกลดแผ่รัศมีเป็นวงกลมอยู่บนท้องฟ้า..นกกาเงียบสนิท

เมื่อบทสุดท้ายมาถึง....

ก๋งหยิบมีดอาคมนั่งพนมมือริมฝีปากขมุบขมิบเหนือหินอาถรรพ์อยู่นานโข สายตาเพ่งไปยังสาแหรกแขวนหินและยกมีดอาคมฟันไปยังเส้นหวาย สาแหรกอย่างแรง

"ตูม" 

หินอาถรรพ์หล่นลงสู่พื้นน้ำและจมดิ่งลงสู่ก้นหนองวัด...คลื่นขนาดใหญ่แผ่ กระจายไปทั่วบริเวณเสมือนจะประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า..เขตอภัยทาน และการสาบแช่งถูกตราตรึงในณที่นี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

"กูไม่ตกปลาในหนองวัดแล้ว"

เสียงเอ่ยเบาๆจากสายวัยกลางคนฉายาพรานเบ็ดจอมฉลังท้ายหมู่บ้านที่มาดูพิธีดังกล่าวดังแววมาจากด้านหลังผม

"หินมีอาถรรพ์จริงมั๊ย" ผมถามก๋งในเช้าวันต่อมา...ก๋งมองผมด้วยสายตาที่เอ็นดู อมยิ้มเล็กน้อยพร้อมเอ่ยว่า......."ก๋งทำพิธีตามแบบโบราณที่ส้บทอดกันมา...อาถรรพ์มีจริงหรือไม่ก๋งไม่ขอตอบ...แต่อย่างน้อยๆก็เป็นกุศโลบายให้คนได้เกรงขาม..ฯ"

หินอาถรรพ์ก้อนนี้ยังคงสงบนิ่งอยู่ใต้ผืนน้ำแห่งนี้มานานหลายสิบปีแล้ว.. .หมดบุญหลวงพ่อไกร...หมดบุญหมอก่วย...ยังมีคนฝ่าฝืนแอบหาปลาใน หนองน้ำแห่งนี้อยู่บ้าง..คำสาปแช่งมีจริงหรือไม่ คนรุ่นเก่าๆที่มีอายุมากกว่า60ปี ในต.หนองโสนต่างรู้ดีครับและท้ายสุดนี้หากคำบอกเล่านี้ไปเกี่ยวข้องกับ ท่านใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยไว้ณ ที่นี้ ด้วยไม่มีเจตนาอื่น..นอกจากแบ่งประสบการณ์ที่พอจำได้ให้กันและกันครับ