ประวัติชมรมหัวใจสะพายเป้
ประวัติชมรมหัวใจสะพายเป้
หัวใจสะพายเป้ (The adventure by heart)

ประวัติความเป็นมาอย่างย่อ (รอปรับปรุงอีกครั้ง)

ปี 2548 ชมรมหัวใจสะพายเป้ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานักเรียนให้เป็นผู้นำในการจัดกิจกรรม ต่างๆของโรงเรียน รวมทั้ง การถ่ายภาพ การถ่ายทำวีดีโอ งานประชาสัมพันธ์ การจัดรายการวิทยุ เว็บไซด์โรงเรียน พร้อมกับจัดกิจกรรมนักสืบสายน้ำ โดยมี ผู้อำนวยการโรงเรียน นายวีรศักดิ์ วรรณรัตน์ (ในขณะนั้นเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม) ครูเบญจณี บุญอบ (ปัจจุบันเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนบ่อไร่วิทยาคม) ครูสมลักษณ์ น้อยใจนัก ครูพัชรี ปานประเสริฐ เป็นผู้สนับสนุนและร่วมกันจัดกิจกรรม เริ่มจากรับสมัครเฉพาะนักเรียนชายจำนวนไม่เกิน 20 คน เพื่อการพัฒนาตามวิสัยทัศน์ “เราจะพาหัวใจเดินทางเพื่อการเรียนรู้” เป็นเป้าหมายของเรา มีเสื้อทีมเป็นเสื้อสีฟ้า ซึ่งหมายถึง การเดินทางของสายน้ำ ในระหว่างการดำเนินงานนักเรียนได้เกิดการพัฒนาในแต่ละด้านอย่างต่อเนื่อง ผลงานที่ชื่นชอบมากที่สุด จะเป็นรายการหัวใจสะพายเป้นำเสนอกิจกรรมของโรงเรียน แต่แล้วก็จำเป็นต้องปิดตัวลง ด้วยผู้เขียนสอบบรรจุได้เป็นครูโรงเรียนบ้านหนองบัว

ปี 2552 ผู้เขียนได้เปิดชมรมหัวใจสะพายเป้ ขึ้นอีกครั้ง บนท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนครูและนักเรียนในโรงเรียนบ้านหนองบัว ว่าหัวใจสะพายเป้คืออะไร ผู้เขียนได้นำกิจกรรมเดิมที่ผ่านมา มากำหนดวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันและให้เกิด ความหลากหลาย จนมีวิสัยทัศน์ใหม่ คือ “เราจะพาหัวใจเดินทาง ปลูกจิตอาสา พัฒนาสิ่งแวดล้อม สร้างสื่อเทคโนโลยี เพื่อการเรียนรู้”โดยมีผู้อำนวยการ โรงเรียน นายชูศักดิ์ ธนาพาณิชย์ ครูชุติมา สงเคราะห์ ครูสายพิน พวงตระกูล และครูจงใจ เอกศักดิ์สิริ สนับสนุนและร่วมจัดกิจกรรม การจัดกิจกรรมเรามุ่งเน้นพัฒนานักเรียนในหลายๆ ด้าน จนเกิดการยอมรับของบุคคลทั่วไป ซึ่งผลงานที่สร้างชื่อเสียงและเกิดความภาคภูมิใจมากๆ คือ หนังสั้นคุณธรรมที่เราได้รับรางวัล ที่ 3 ระดับชาติ ในงานศิลปะหัตกรรมนักเรียน ตอนนั้นเราใช้เสื้อทีม สีเขียว ซึ่งหมายถึง สิ่งแวดล้อม มีโลโก้รูปคนสะพายเป้มีปีก ต่อมาผู้อำนวยการเจนสิทธิ์ สุทธิรักษ์ ผู้บริหารโรงเรียนคนใหม่ ก็ร่วมสนับสนุนชมรมหัวใจสะพายเป้เป็นอย่างดี โดยเปลี่ยนเสื้อทีมใหม่เป็นสีส้ม หมายถึง การมุ่งมั่นเพื่อเข้าสู่เป้าหมาย จนมีผลงานสืบเนื่องต่อๆ กันมาหลายรายการ ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ กิจกรรมนักสืบสายน้ำ การเป็นวิทยากรให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลสะตอในการอบรมการสร้างสื่อให้กับเยาวชนในตำบล รวมทั้งการไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งหัวใจสะพายเป้ยุคนี้เป็นยุคที่สร้างชื่อเสียงให้กับผู้เขียน นักเรียนและโรงเรียนเป็นอย่างมาก แต่แล้วก็ต้องปิดตัวลง เมื่อผู้เขียนย้ายโรงเรียนอีกครั้ง

ปี 2556 ผู้เขียนได้มีแนวคิดสานต่อชมรมหัวใจสะพายเป้อีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง (ไม่ขอกล่าวถึง) จึงไม่คิดจะเปิดชมรมนี้อีกให้เหลือไว้แค่ความทรงจำดีๆก็พอ

ปี 2557 ผู้เขียนมีแนวคิดการทำงานแบบไร้พรมแดนโดยใช้ชมรมหัวใจสะพายเป้เป็นตัวเชื่อมการทำงาน เริ่มปฏิบัติการโดยการหาเพื่อนทาง facebook เพื่อชวนนักเรียนโรงเรียนต่างๆเข้าร่วมชมรม โดยมีสโลแกน ไม่ว่าคุณจะอยู่โรงเรียนไหนไม่สำคัญ ขอแค่มีใจก็พอ โดยเริ่มต้นจากโรงเรียนมัธยมในจังหวัดตราด ในที่สุดก็ได้นักเรียนกลุ่มหนึ่งในโรงเรียนตราษตระการคุณ เราได้นัดพบกันในวันหยุด มีการประชุมวางแผนการทำงาน จนเกิดชมรมหัวใจสะพายเป้..อาเบ็ท ขึ้น (อาเบ็ท มาจากคำว่า abet แปลว่า ส่งเสริม แต่นักเรียนมีการลากเสียง ทำให้อ่านว่า อาเบ็ท) ภายใต้วิสัยทัศน์ “เราจะพาหัวใจเดินทางเพื่อการพัฒนา ตนเองและสังคม” โดยหลักการทำงานของเรา จะมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนา การแก้ปัญหาต่างๆ ภายในกลุ่ม ทั้งในเรื่องการเรียน การพัฒนาตนเองและการช่วยเหลือสังคม รวมทั้งการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด กิจกรรมที่ผ่านมา จะเป็นภาพยนตร์สั้น เรื่อง เพื่อน วิญญาณ ความรัก และกิจกรรมสอนน้องๆในวันอาทิตย์ ณ วัดไร่ป่า (โดยมีพี่จิ จิราพร เจ้าหน้าที่จาก สพป.ตราด เป็นคนชักชวน) เสื้อทีมเป็นเสื้อสีแดงแถบดำ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทำงานด้วยหัวใจ การทำงานในครั้งนี้ท้าทายความสามารถของผู้เขียนอย่างยิ่ง กับการทำงานครั้งแรกที่ไม่ได้เป็นครูสอนพวกเขาในโรงเรียนเดียวกัน ในท่ามกลางความมึนงงของผู้ปกครอง ครู และคนอื่นๆที่ทราบ แต่ตอบได้เพียงอย่างเดียวว่าผมใช้ใจเพียงอย่างเดียวในการทำงาน

ปี 2558 เดือนกรกฎาคม กับบ้านหลังใหม่ โรงเรียนบ้านคลองประทุน หัวใจสะพายเป้ รุ่นที่ 5 กับความพยายามอีกครั้ง กับการคัดเลือกนักเรียนที่ไม่ได้มีกิจรรมหลักๆ นั่นคือเลือกนักเรียนที่ไม่มีความสามารถพิเศษ เรียนไม่เก่ง มีปัญหาในครอบครัว เรียกอีกอย่างคือเงาะคัด มาสร้างทีมเพื่อการพัฒนาใน 5 มิติ  ประกอบด้วย ติดปีกการเรียนรู้ จิตอาสา สิ่งแวดล้อม สื่อสร้างสรรค์ และทักษะอาชีพ มาทำงานแบบบูรณาการ ในการเพิ่มทักษะชีวิต ให้พวกเขาอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ใช้เวลาว่างไปสร้างสรรค์สิ่งดีงาม และสุดท้ายพวกเขารอดพ้นจากยาเสพติดแน่ นี่คือสิ่งที่เราทำ ผลงานที่เราประทับใจที่สุด คือสารคดี ผมชื่อเขียว เราได้ที่ 4 ระดับประเทศ ในทั้งหมด 88 โรงเรียน เป็นสารคดีเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 

ปี 2559 ในทุกๆ การทำงานล้วนมีปัญหาและอุปสรรค ชมรมหัวใจสะพายเป้ก็เช่นกัน โดยลำพังผมเองไม่สามารถพาองค์กรของผมเดินต่อไปได้ ถ้าขาดการสนับสนุนที่ดี เพื่อให้องค์กรเรามีชีวิตรอดอยู่ได้เราไม่สามารถนิ่งเฉยและยอมรับสภาพที่เป็นไป ผมจึงได้ขอจัดตั้งองค์กรสาธารณะประโยชน์ขึ้น โดยเป็นคำแนะนำของ นางสาวมนิดา ลิ่มนิจสรกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดตราด และชมรมหัวใจสะพายเป้ ได้ร่วมเป็นเครือข่ายของสภาเด็กและเยาวชน จังหวัดตราด เป็นอีกก้าวหนึ่งของเรากับการเดินทางตามหาความฝัน 

ปี 2560-2563 ตามที่ได้จัดตั้งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ ชมรมหัวใจสะพายเป้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะได้รับงบประมาณอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเด็กๆในชมรม มีการจัดทำศูนย์การเรียนรู้ชมรมหัวใจสะพายเป้ ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหน่วยงานต่างๆให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เห็นได้จากการมาศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก ชมรมหัวใจสะพายเป้ได้พัฒนาในหลายรูปแบบ ทั้งด้านการเกษตรและธุรกิจร้านขายน้ำของชมรม ในนาม สะพายเป้คอฟฟี่ ซึ่งร้านนี้สามารถดูแลเด็กๆในชมรม โดยไม่ต้องนำเงินมาโรงเรียน อาหารกลางวันฟรี น้ำฟรี เป็นการแบ่งเบาภาระของครอบครัว เกิดทีมฟุตบอล สะพายเป้ FC ต่อยอดด้วยการส่งเด็กๆเข้าร่วมทีม MAP ACADEMY เป็นความสำเร็จอีกรูปแบบหนึ่งผ่านเครือข่ายต่างๆ มีกิจกรรมเอามื้อสามัคคี จากเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ การไปศึกษาดูงานตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ฟาร์มเห็ดเขาใหญ่พาโนรามาฟาร์ม สวนเกษตร ในอำเภอปากช่อง เขาใหญ่ ทุกสิ่งล้วนทำให้เด็กๆในชมรมเกิดการพัฒนา การทำงานชมรมมาพร้อมกับชื่อเสียงที่มากขึ้น หลายหน่วยงานสนใจ แต่แล้วผมก็ตัดสินใจปิดตัวชมรมลงในเดือนมีนาคม ปี 2563 ด้วยเหตุหลายปัจจัยไม่ขอกล่าวถึง

18 พฤษภาคม 2563 ผมตัดสินใจเปิดชมรมหัวใจสะพายเป้อีกครั้ง ในพื้นที่ของตนเอง กับภารกิจใหม่ๆ ในการพัฒนาชุมชน ภายใต้วิสัยทัศน์ "พัฒนาคนเพื่อชุมชน" ทั้งนี้ได้จัดตั้งโรงเลียนหัวใจสะพายเป้ขึ้น เพื่อเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ในการเลียนแบบสิ่งดีร่วมกัน ของเด็ก เยาวชนและบุคคลในชุมชน ระยะเริ่มต้นเป็นการพัฒนาพื้นที่เพื่อเอื้อต่อการพัฒนา น่าอยู่ ส่งเสริมและพัฒนาเด็กๆ ในช่วงปิดภาคเรียน ในการมาเรียนทำอาหาร เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน และอื่นๆ 

ทศพล ถนอมพงษ์
ผู้เขียน