 |
ไอ้โค่งกับอีแอ่น(ผอ.สมนึก) |
 |
ไอ้โค่งกับอีแอ่น(ผอ.สมนึก แพทย์พิทักษ์)
|
 |
"ไอ้โค่งกับอีแอ่น"พญาปลาคู่บารหลวงพ่อไกร วัดไทรทอง ตราด
วัดไทรทอง จังหวัดตราดสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2324 ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.ตราด เดิมเรียกว่า วัดตากาด ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดหนองโสนด้วยสาเหตุที่ตั้งของวัดอยู่ริมหนองน้ำ ที่มีต้นโสนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาเจ้าคณะมณฑลในสมัยนั้นมาตรวจวัดเห็นว่าบริเวณวัดมีต้นไทรทอง เป็นจำนวนมากและอีกทั้งต้นไทรทองยังเป็นไม้มงคล จึงเสนอชื่อวัดเสียใหม่เป็น วัดไทรทองมาจนถึงปัจจุบันนี้ จากสะพานอีจันทร์ย้อนขึ้นมาทางทิศเหนือของคลองตาหมอกไม่มากนัก มีลำนำสาขาแยกไปทางทิศตะวันออกผ่านด้านหลังวัดไทรทอง ลงสู่ที่ราบลุ่มในพื้นที่บ้านพงลำบิด มวลน้ำจะไหลลงคลองท่าตะเภาตามลำดับ
บริเวณหนองน้ำวัดไทรทองดังกล่าวจมีเหล่าแมกไม้นานาพันธุ์ปกคลุมอยู่ หนาทึบ....ต้นไผ่...ต้นตองกะพ้อ....และแมกไม้น้อยใหญ่อีกมากมายกอด ก่ายเบียดเสียดกันปะปนกันหน้าทึบ ด้านทิศตะวันออกของหนองน้ำมีไทรย้อยขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาล่วงล้ำลงมาในอาณาบริเวณของหนองน้ำดังกล่าวที่ถูกปกคลุมไปด้วยพืชน้ำนานา ชนิด เป็นแหล่งพักพิงของเหล่านกน้ำและกุ้งหอยปูปลามาเป็นเวลาช้านาน
ในช่วงปลายฝนต้นหนาว หลังจากฝนเรียกปลาผ่านพ้นไปแล้ว สายลมหนาวที่พัดแผ่วเบาเริ่มโลมไล้แนวไผ่กับใบไทรย้อยอย่างมีความสุข เหล่ามัจฉาน้อยใหญ่เริ่มทยอยกลับมายังหนองน้ำแห่งนี้เพื่อหนีภัยแล้งใน ฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง เทศกาลสงกรานต์หมดไปหลายวันแล้ว ฝูงปลาน้อยใหญ่เริ่มมารวมตัวที่ด้านหลังกุฏิหลวงพ่อไกร เกจิผู้มากด้วยมนต์ขลังและเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาแห่งภาคตะวันออก เหมือนจะรู้ว่า ด้วยเดชเดชะบารมีของท่านจะช่วยคุ้มครองให้รอดพ้นจากเหล่าพรานเบ็ดได้ก่อนที่จะเข้าสู่วสันตฤดูในปีหน้า
"ไอ้โค่งกับอีแอ่น"
ร่างของปลาช่อนไทยขนาดใหญ่เท่าต้นมะพร้าว ยาวกว่าสี่ศอกไม่อาจจะซ้อนเร้นไปจากสายตาของหลวงพ่อไกรไปได้ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นนอกเหนือจากความใหญ่โตมโหราฬของพญาปลาทั้งคู่ ที่สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับผู้ที่มาพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ยามใดที่ท่านก๋งไกรออกมายืนดูเหล่าปลาน้อยใหญ่ในหนองน้ำแห่งนี้ พญาปลาทั้งคู่จะปรากฏกายขึ้นเหมือนจะมาคาราวะและชื่นชมบารมีของเกจิชื่อดังองค์ดังกล่าว
"ไอ้โค่งหลังจะโก่งขึ้น ส่วนอีแอ่นหลังจะคุ้มลง"เสี่ยงหลวงพ่อไกรบอก
"เรามักจะเห็นพญาปลาทั้งคู่เฉพาะช่วงแล้งเท่านั้น....บางปีทั้งคู่จะไป ปรากฏกายอยู่ที่วัดตะปอนใหญ่ จันทบุรี แต่ส่วนมากจะกลับมาอยู่ที่วัดไทรทองเสียเป็นส่วนใหญ่...และไม่มีใครรู่ว่า ปลาทั้งคู่ใช้เส้นทางใดในการเดินทางไปมาระหว่างตะปอนใหญ่กับวัดไทร ทอง
"หากฉันหมดบุญวันใด ฝากปลาในหนองน้ำแห่งนี้ด้วย" เสียงที่ทรงพลัง นุ่ม ลึกแฝงด้วยอำนาจ บารมีของหลวงพ่อไกรเอ่ยปากบอกก๋งก่วย
" ขวับ...ๆ....ๆ.....ฮูม.....ๆ.....ๆ...." เสียงหวายตีควายที่ทำจากหวายกอเดียวในป่าลึกยาวกว่าสองวาในมือหลวงพ่อไกรกระหน่ำตีบนผืนน้ำที่คราคล่ำไปด้วยฝูงปลาน้อยใหญ่ที่ว่ายทวนกระ แสน้ำใหม่ของฝนแรกเพื่อออกจากหนองน้ำดังกล่าว
"มึงจะออกไปตายเรอะ....กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้"
เสียงหลวงพ่อไกรบ่นพลางกระหน่ำหวายไปพลาง ดังเป็นระยะๆ
"ห้ามตกปลาในหนองวัด"....อาญาสิทธิ์ที่ทุกคนในหมู่บ้านรับทราบ ก๋งกับย่านั่งหั่นหมากดิบเป็นแผ่นเล็กๆค่อยๆบรรจงวางลงตะแกรงไม้ไผ่แล้วน้ำออกไปแดดเพื่อทำหมากแห้งไว้กิน..."ปีนี้แล้งจัด"...เสียงก๋งบ่นงึมงำ พลางคว้าผ้าขาวม้าพาดใหล่เดินหงุดๆไปทางท้ายวัด
"ไม่เห็นมาหลายวันแล้วท่าน....น้ำแห้งขนาดนี้..ถ้าอยู่ต้องเห็น..หรืออยู่ที่ ตะปอน...?"......ก๋งรำพึงกับหลวงพ่อไกร.
เย็นวันหนึ่งก่อนสิ้นเมษา...เย็นวันนั่นอากกาศร้อนอบอ้าวผิดปกติ ท้องฟ้ายามเย็นแดงฉานรับกับแสงสุดท้ายของตะวันที่กำลังจะลับทิวไม้ "อุกาฟ้าเหลือง" ก๋งเอ่ยเบาๆ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว...ตะเกียงน้ำมันกาดที่ถูดจุดมาเพื่อให้แสง สว่างถูกกระแสลมพัดดับสนิท เสียงหวีดหวิวของสายลมปะทะแมกไม้ดังสนั่น สายฟ้าพิโรธ คำรามเลื่อนลั่นอย่างน่ากลัวตลอดทั้งคืน....อย่าว่าแต่หมู่ หมา กา ไก่เลย...ชาวบ้านในระแวกนั่นก็หาที่อยู่แทบไม่ได้
"เกิดอะไรขึ้น"
หลังจากพายุสงบไม่กี่วัน...เสียงสนทนาของหลวงพ่อไกรกับก๋งก่วยและชาวบ้านกลุ่มใหญ่ดังแว่วๆมาว่า
"ฟ้าผ่าโป๊ะดักปลาชาวบ้านเสียหายไปหลายที่ ที่ปากแม่น้ำเวฬุ อ่างกะป่อง บางกระดาน แหลมยายม่อม แหลมมะขาม"
ความเงียบเข้ามาปกคลุม.....ทุกคนต่างจ้องมองตากัน....เสียงที่นุ่ม ลึกแอบแฝงด้วยบารีมีของหลวงพ่อไกรเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า...
".......คืนนั้นฝนตกหนัก...มันคงอยากกลับวัด...คาดว่าคงว่าลงคลองตะปอน ใหญ่....ว่ายผ่านบ้านวันยาว...ลงสู่สาขาแม่น้ำเวฬุ....ออกปากแม่น้ำ.ฯ...เลี้ยวซ้ายผ่านอ่างกะป่อง....บางกระดาน แหลมยายม่อม....หาทางเข้าคลองท่าตะเภาและคลองตาหมอกเพื่อเข้าวัด..และระหว่างทางน่าจะหลงไปเข้าโป๊ะชาวบ้านตามเส้นทางดังกล่าว... ด้วยเดชะบารมีอันไม่ทราบดลบันดาลให้ฟ้าฝ่าโป๊ะจนแตก...เพื่อให้ไอ้โค่ง กับอีแอ่นเดินทางต่อเพราะต้องมาถึงวัดก่อนพายุจะหยุด....ด้วยชาตะถึงฆาต หรือหมดบุญบารมีมิอาจคาดเดาได้.....ฟ้าผ่าช่วยให้รอดพ้นมาทุกที่..จนมา ถึงโป๊ะสุดท้าย...."ไอ้โค่งกับอีแอ่นถูกฟ้าผ่าตาย"..ฤ..จะมีอาเพศ....?
.......ทุกคนเงียบกริบ.....เสียงถอนหายใจของหมอก่วยดังมาอย่างแผ่วเบา....
การตายของไอ้โค่งกับอีแอ่น พญาปลาคู่บารมีหลวงพ่อไกร เกจิดังแห่งวัดไทรทองเป็นก้าวแรกของการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในอีก หลายปีต่อมา หลวงพ่อไกร อินทโชโตมรณภาพ ยังความโศกเศร้า เสียใจมายังลูกศิษย์ลูกหาอย่างหาที่เปรียบมิได้
"...หากฉันหมดบุญวันใด...ฝากปลาในหนองน้ำแห่งนี้ด้วย"เสียงฝากฝังด้วยความเป็นห่วงปลาน้อยใหญ่ในหนองน้ำดังก้องอยู่ในหู่ก๋งก่วยตลอดเวลา และเป็นที่มาของ "หินอาถรรภ์"ในตอนต่อไปครับ |
|