 |
ประเพณีเชิญแม่ศรี(ผอ.สมนึก) |
 |
ประเพณีเชิญแม่ศรี (ผอ.สมนึก แพทย์พิทักษ์)
|
 |
"..ประเพณีเชิญแม่ศรีฯ..."
หลังจากพิธีสรงน้ำพระที่วัดเรียบร้อยแล้ว ผมกับย่าเดินทางกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัดมากนัก กระแสลมร้อนกลางเดือนเมษาปะทะผิวกายอย่างแผ่วเบา เทศกาลสงกรานต์ปีนี้กำลังจะผ่านไป ผมกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก จิตใจจดจ่ออยากให้ค่ำคืนนี้คืบคลานมาโดยเร็วไว "เย็นนี้อย่าลืมนะ"ผมบอกเพื่อนก่อนที่จะแยกทางกัน
ความมืดค่อยๆคืบคลานเข้ามาแทนที่ดวงตะวันที่กำลังจะลับทิวไผ่ ตะเกียงเจ้าพายุถูกจุดและนำมาแขวนไว้กลางลานบ้าน ผมและเพื่อนๆทะยอยกันมาสมทบทีละคนสองคน ทุกคนจะมีกระบอกไม้ไผ่ กะละมาพร้าวติดมือมาด้วย เรานั้งล้อมวงกันข้างลานบ้าน เอาไม้ไผ่และกะลามะพร้าวมาวางตรงหน้าแล้วใช้ไม้เล็กๆเคาะเสียงดัง โป๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......อย่างสนุกสนาน..."สัญญาณเชิญแม่ศรีฯเริ่มแล้ว"
ครกตำข้าวใบเขื่องถูกนำมาวางคว่ำไว้กลางลานบ้าน หนุ่มๆสาวๆเริ่มทะยอยเข้ามาสมทบ เสียงพูดคุย...หยอกล้อ..สอบถามสาระทุกข์สุขดิบผสมผสานกับเสียงเคาะไม้ไผ่และกะลามะพร้าวช่างร้อยรับกันอย่างมีเสน่ห์....
ย่าถือธูปห้าดอกเดินตรงมายังลานพิธี...เสียงสนทนาจากหนุ่มสาว...เสียง เคาะไม้จากผมและเพื่อนๆเงียบสนิท...."ใครจะเป็นร่างทรง...?" ย่าถาม จงจิตต์....สาวน้อยที่เรียบร้อยและเหนียมอายที่สุดในละแวกบ้านนั่งประนม มือบนครกกลางลานบ้าน มีหนุ่มสาวที่มาร่วมพิธียืนอยู่ด้านหลัง ย่าเดินถือธูปตรงไปยังแนวชายป่าที่ห่างกับลานพิธีไม่มากนัก นั่งยองๆยกมือพนมอยูพักใหญ่ แล้วค่อยๆปักธูปลงพื้นดินที่ละดอกเรียงเป็นแถวมาหาสาวน้อยร่างทรงที่นั่งพนมมืออยู่ "...ถือธูปไว้นะ....หลับตาซะ..."...ย่ากระซิบ
"....เด็กๆ....ห้ามเดิน...วิ่งผ่านแนวที่ปักธูปไว้นะ....พิธีจะเสีย...."ย่าบอก
......แม่ศรีฯเอย...แม่ศรีฯสัมสะ...ยกมือไหว้พระ...ไม่มีคนชม...คิ้วก็ต่อ...คอก็กลม....ยกผ้าปิดนม...ชมแม่ศรีฯเอย...แม่ศรีฯนางโหง...มาลงใต้ท้อง...เชิญพี่เชิญน้อง...มาร้องว๊ายๆ...กินเหล้าเป็ดไก่...สาหร่ายตกแตก...ผีลมตาแหก... เข้าท้องตาดำ...ฯลฯ เสียงเพลงจากหนุ่มสาวตะโกนร้องไปยังร่างสาวน้อย...ผสมผสานกับจังหวะ เคาะไม้ กะลาที่ผมกับเพื่อนๆร่วมวงกันอย่างกึกก้อง....ไม่นานนักร่างของสาวน้อยก็ ค่อยๆโอนเอนไปมา...ธูปในมือหล่นลงพื้น...ย่ารีบเข้าไปประคองพร้อมกับ เสียงพึมพรำของผู้มาร่วมพิธีดังระงมไปหมด..ว่า...."เข้าแล้ว.....เข้าแล้ว....." ....โอ้พระรามเดินดง....เฝ้าแต่ทรงโศกา....เพราะเป็นห่วง...เพราะเป็นห่วง สีดา..โศกาอยู่ทุกคืนวัน...ตั้งแต่ไปอยู่เมืองยักษ์..นึกรักกับทศกัณฑ์..ป่านฉะนี้สีดาจะลืมฉัน...ๆ..สีดานั้นนับวันจะเปลี่ยนแปลง....ฯ เสียงเพลงรำวงโบราณดังกึกก้อง....ผมแทบไม่เชื่อสายตาของผมเอง ..สาวน้อยจงจิตต์ที่แม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่เคยรำให้เห็น ลุกขึ้นจากครกที่นั้ง ร่ายรำตามทำนองเพลงอย่างอ่อนช้อย ช่วงจังหวะ..ท่าทางอ่อนหวาน หลับตาพริ้ม..ริมฝีปากอมยิ้มเล็กน้อย..ใบหน้าบ่งบอกถึงความสุขอย่างเต็ม เปี่ยม
"..ฮู้..." เสียงกู่อันดังขึ้นจากปากของย่า.....สาวน้อยค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆพร้อม แสดงท่าทางงงงวยอย่างบอกไม่ถูก...เอ่ยถามว่า....ทำอะไรกันอยู่..?
"....ย่า...ทำไมเมื่อคืนต้องไปกู่ที่หูของจงติตต์ด้วยล่ะ...." ผมถามย่าในเช้าของวันใหม่....ย่ายิ้มพรางบอกว่า.."...มันเป็นสัญญา.. .เราเชิญเค้ามาสนุกร่วมกับเราแล้ว...เมื่อได้ยินเสียงกู่..ก็ให้ออกจากร่างทรง...ถ้าไม่ออกจะยุ่งไปกันใหญ่...."เสียงย่าบอก
ประเพณีเชิญแม่ศรีฯเป็นการสื่อสารกันระหว่างโลกมืดและโลกสว่างมักจะ เล่นกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นช่วงปล่อยผี...คนทำพิธีต้องมีความรู้ความเข้าใจ..ผีที่เชิญมาร่วมสนุกได้แก่..แม่ศรีฯ(ผีผู้หญิง)...ผีลอบ...ผีลิงลมเป็นต้น ปัจจุบันหาคนทำพิธีดังกล่าวยากแล้วครับ... |
|