เห็ดขี้ควาย (ผอ.สมนึก)
เห็ดขี้ควาย (ผอ.สมนึก แพทย์พิทักษ์)
"เห็ดขี้ควาย" (บทความจาก ผอ.สมนึก แพทย์พิทักษ์)

หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวในนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก๋งจะนำรวงข้าวที่มัดเป็นฟ้อนๆมากองรวมกันกลางผืนนาไม่ห่างจากบ้านมากนัก กองฟ้อนข้าวสูงท่วมหัวเหมือนกองเงิน...กองทองที่ชาวนาเอาหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน อาบเหงื่อต่างน้ำและเฝ้าทนุถนอมมาเป็นเวลาแรมปี พรุ่งนี้จะมีการลงแขกเตรียมลานนวดข้าว

ย่าหาบข้าวปลาอาหารพร้อมของหวานเดินนำหน้าไปยังลานนวดข้าว ผมคว้าตะขอล้วงกบ(เหล็กโตขนาดก้านไม้ขีดนำมางอให้โค้งคล้ายเบ็ดตก ปลาต่อด้ามด้วยไม้ไผ่ลำเล็กๆ)เดินตามย่าไปนาตั้งแต่เช้าตรู่ ระหว่างทางผ่านบ้านเพื่อนๆหลายคน เรานัดหมายกันว่าวันนี้สายๆจะไปหากบกัน

อากาศยามเช้ากลางทุ่งนาค่อนข้างหนาว สายหมอกหนาทึบทอดตัวยาวไกลเต็มผืนนาล้อรับกับตะวันแดงฉานที่ค่อยๆลอยขึ้นมาเหนือทิวเขาบรรทัด ย่ากับผมเดินไปตามทางเกวียนที่คดเคี้ยวไปมาซึ่งเป็นทางที่ชาวบ้านในย่านนี้ใช้สัญจรและบรรทุกข้าวไปเก็บในยุ้งฉางของตนเอง ตลอดทางเกวียนดังกล่าวเราจะพบเห็นมูลควายสีดำกองใหญ่อยู่มากมาย
ไม่นานนักผมกับย่าก็มาถึงกระต๊อบปลายนาที่มุงหลังคาด้วยใบจาก(พืชชนิดหนึ่งมักงอกตามป่าชายเลน) ก๋งกับพรรคพวกกำลังใช้จอบถากต้นข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วออกที่ละต้นๆ ส่วนน้าหมากับทิดแก้วไปเก็บขี้ควายตามคอกควายและทางเกวียนมาที่ละ หาบ สองหาบจนกะว่าเพียงพอแล้วจึงเดินมาช่วยก๋งปรับพื้นนา

"ต้องปรับพื้นให้เรียบก่อน...จากนั้นต้องขี้ควายไปผสมกับน้ำพอข้นๆ" ก๋งบอก

ขี้ควายผสมน้ำที่ข้นพอเหมาะถูกเทราดลงบนผืนลานนวดข้าวน้าหมากับทิด แก้วใช้สองมือช่วยกันเกลี่ยไปจนทั่วลานดิน ไม้ต้นใหญ่ขนาดโคนขาถูกนำมาปักไว้กลางลานไว้สำหรับผูกเชือกล่ามควายเวลานวดข้าว ทิดแดงนำไม้ไผ่มาปักด้านริมลานข้าวเป็นรูปสี่เหลี่ยม...วางพาดด้านบนด้วยทางมาพร้าวเพื่ออาศัยร่มเงาในช่วงกลางวัน...

"ต้องตากแดดผืนลานให้แห้ง.....พื้นจะไม่มีฝุ่น..เวลานวดข้าวเมล็ดข้าวจะได้ไม่ จมดิน...อีกห้าวันเราจะนวดข้าว" ก๋งบอก

ผมกับเพื่อนๆที่นัดหมายกันไว้คว้าตะขอล้วงกบเดินไปทางปลายนา

"เนื้อกบลอกหนังออก ทาเกลือย่างไฟพอสุกอร่อยนัก..หนังน้ำไปทำกลองกระป๋อง ก็ดังดี...."ผมเอ่ยกับเพื่อน

ข้าวในลานนวดเสร็จเรียบร้อยแล้วกองข้าวกองรวมกันอยู่กลางลาน รอให้ลมหนาวแรงอีกหน่อยก๋งกับย่าจะต้องมาโรยข้าวเพื่อให้เศษวัชพืชปลิวตามลมไป เหลือไว้แต่เมล็ดข้าวเพื่อที่จะนำเข้ายุ้งฉางเก็บไว้กินและทำพันธุ์ในฤดูกาล หน้า

กองฟางข้าวสูงเด่นอยู่ท้ายลานนวดข้าว มันเป็นสวนสนุกที่ผมและเพื่อนๆต้องแวะเวียนมาทุกวัน กระโดดสูง ซ้อนหา ตี่จับ..มวยปล่ำ...ถูกสรรหามาเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทิดแก้วเดินแบกไม้ไผ่ตรงมายังกองฟาง นำไม้ไผ่มาวางสุ่มกันเป็นรูปกระโจม ทางมะพร้าวถูกนำมาวางทับอีกชั้นหนึ่ง ฟางข้าวถูกกองสุมลงไปอีกที เหลือช่องเข้าด้านหน้าพอที่จะมุดตัวเข้าไปได้ ข้างในปูด้วยเสื่อที่เตรียมมาจากบ้าน..ทุกอย่างพร้อม

"คืนนี้......เราจะนอนเพิงท้ายนา" ทิดแก้วบอก

ที่เพิงท้ายนาคืนนี้......ทิดแก้วนั่งซดเหล้าป่าอยู่หน้าเพิงพัก ผมนอนดูเดือนเต็มดวงที่ส่งแสงนวลแจ่มทักทายแสงกระพริบของเหล่า ดวงดาวที่โปรยปรายอยู่เต็มท้องฟ้า สายลมหนาวยังไม่จากไป ผมมุดตัวเองเข้าเพิงพักที่แสนจะอบอุ่น มันช่างเป็นสวรรค์ของเด็กๆในสมัยนั้น

"ระวังไฟนะ....ดับตะเกียงด้วย เดี๋ยวเป็นไก่อบฟาง....??......เออ.......ฯลฯ" เสียงทิดแก้วเตือนผมให้ดับตะเกียงน้ำมันก๊าดใบเล็กที่วางอยู่

เช้าวันต่อมาท่ามกลางสายหมอกและหยาดน้ำค้างที่ฝากความชุ่ม ฉ่ำไว้กับยอดไม้ใบหญ้าในค่ำคืนที่ผ่านมา..ตะวันดวงเดิมยังไม่มาทักทาย ทิวเขาเบื้องหน้า...มีแต่จันทราได้เคลื่อนคล้อยต่ำบอกลาราตรีนี้ ผมเดินตามทิดแก้วไปตามทางเกวียนพร้อมด้วยตะกร้าไม้ไผ่ใบเขื่องของย่า

แสงแรกของวันใหม่มาแล้ว 

เห็ดสีขาวนวลที่งอกบนกองมูลควายและขาวดารดาษเต็มท้องทุ่งไปหมด

"น้ำค้างหนา.....เห็ดขี้ควายจะงอกงามดี"....ทิดแก้วเอ่ย

ผมสนุกสนานกับการเก็บเห็ดขี้ควายจนลืมอากาศที่หนาวเหน็บไปชั่วขณะ

"เอาเฉพาะเห็ดที่งอกบนกองขี้ควายนะ.....ดอกสีขาวๆ" ทิดแก้วกำชับ

ผมสังเกตเห็นว่าในบางครั้งทิดแก้วเดินผ่านเห็ดต้นอวบอ้วนไปโดยไม่สนใจ "ทำไม่ทิดแก้วไม่เก็บ....???"

เย็นนั้น ย่านำเห็ดขี้ควายทั้งดอกที่บานแล้วและยังตูมๆมาล้างน้ำทำความสะอาดแบ่งให้บ้านข้างเคียงบ้านละหอบใหญ่ๆ ที่เหลือดอกที่บานแล้วถูกแยกไปผัดน้ำมันกับกุ้งขาวสดๆที่น้าแจ๋วบ้านข้างๆ แบ่งมาให้ ดอกตูมต้มจืดกับผักข้างบ้าน กลิ่นข้าวใหม่หอมกรุ่นมาจากในครัว เมนูเห็ดขี้ควายกับข้าวใหม่ช่างมีรสชาดเอร็ดอร่อยอย่างเหลือเชื่อ... ผมซดน้ำต้มจืดที่ออกสีดำๆสีเดียวกับมูลควาย...หมดชามอย่างไม่รู้ตัว

"พ่อ.....เห็ดขี้ควายมีพิษนะ มีสารชื่อ psilocybineกับpsilocine ออกฤทธ์คล้ายๆกับกัญชา กระท่อม กินมากๆประสาทจะหลอน... เคยมีชาวต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทยกินเห็ดขี้ควายเสียชีวิต แล้วพ่อไปกินได้ไง...."เสียงว่าที่หมอแก้มลูกสาวคนโตตำหนิผมหลังจาก ที่เล่าเรื่องเห็ดขี้ควายให้ฟัง

...." บางครั้งสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เข้ามาสำผัสกับชีวิต ต่างสถานที่ ต่างเวลา ต่างกรรม ต่างวาระ ทำให้ผมลำบากใจในการที่จะตอบคำถามลูกให้กระจ่าง ทำอย่างไรให้หลักวิชาการและนวัตกรรมใหม่ๆกับการลองผิดลองถูกของภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาจนได้ข้อยุติ ให้เกิดความพอดีและมีคำตอบ......คงต้องใช้เวลา......ฯ"..ผมรำพึงในใจ

ที่หน้าเพิงพักท้ายลานวันก่อนนั้น...หลังจากเหล้าหมดไปหลายแก้ว..ผมยัง จำ เสียงของทิดแก้วที่เตือนผมก่อนเข้านอนได้อย่างแม่นยำ

"ระวังไฟนะ....ดับตะเกียงด้วย...เดี๋ยวเป็นไก่อบฟาง.....เออ....พรุ่งนี้เราจะไป เก็บเห็ดขี้ควายกัน ต้องเก็บเห็ดดอกสีขาวๆที่งอกบนกองขี้ควายเท่านั้นนะ
เห็ดที่งอกบนขี้วัว ขี้ม้ามักจะมีสีแดงเรื่อๆบริเวณหมวกเห็ด...เห็ดบางดอกมีปลอกใต้หมวก... มีปุ่มตามต้น..อย่างนี้ กินไม่ได้..กินแล้วเมา..ห้ามเก็บเด็ดขาด..สังเกตให้ดีนะ..เอ๊า....นอนซะ..พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า...."